สิวเห่อแก้ไม่หายเพราะอะไร? สัญญาณเตือนที่บอกว่าผิวกำลังแย่

หลายคนสงสัยว่าทำไมสิวขึ้นเต็มหน้า ทั้งที่ดูแลผิวสะอาดอยู่เสมอ ปัญหาสิวเห่อทำให้หลายคนขาดความมั่นใจ เพราะแม้ใช้เครื่องสำอางปกปิดหรือบีบออกก็ไม่ช่วยและอาจทิ้งรอยดำรอยแดง สาเหตุที่ทำให้สิวขึ้นเยอะ ไม่ได้มาจากการอุดตันของรูขุมขนเพียงอย่างเดียว แต่ยังเกิดจากพฤติกรรมประจำวันอีกด้วย

สิวเห่อ เกิดจากอะไร

1. พฤติกรรมการดูแลผิว

หนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้สิวเห่อคือพฤติกรรมการดูแลผิวที่ไม่เหมาะสม การทำความสะอาดผิวไม่เพียงพอหรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะกับสภาพผิวสามารถทำให้เกิดสิวได้ง่ายขึ้น ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อผิว และหมั่นทำความสะอาดหน้าให้สะอาดหมดจด โดยเฉพาะในช่วงที่มีการแต่งหน้าการบีบสิวหรือการสัมผัสหน้าบ่อย ๆ ก็สามารถทำให้เกิดการอักเสบและทำให้สิวเห่อขึ้นมาอีกด้วย จึงควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้าและบีบสิวอย่างเด็ดขาด

2. ความเครียด

เมื่อเราเครียด ร่างกายจะผลิตฮอร์โมน Corticotrophin-releasing ซึ่งกระตุ้นการหลั่งของสารอักเสบอย่าง Cytokines ทำให้เกิดน้ำมันบนผิวเพิ่มขึ้น เมื่อมีน้ำมันมากเกินไปจะอุดตันรูขุมขน ส่งผลให้เกิดสิว ความเครียดแม้ไม่ใช่สาเหตุหลักของสิว แต่สามารถทำให้อาการสิวแย่ลงและเพิ่มจำนวนสิวได้

3. อาหาร

อาหารบางชนิดอาจกระตุ้นให้สิวเห่อ โดยเฉพาะอาหารที่มีน้ำตาลสูง เมื่อระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้น ร่างกายจะผลิตอินซูลินเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ระดับฮอร์โมนแอนโดรเจนและการผลิตไขมันหรือซีบัมเพิ่มตามไปด้วย ซึ่งอาจทำให้รูขุมขนอุดตันและเกิดสิวได้

อาหารที่มีน้ำตาลสูงที่ควรหลีกเลี่ยง ได้แก่ ขนมปัง ข้าวขัดขาว และพาสต้า กาแฟ น้ำอัดลม น้ำผลไม้ ผลไม้กระป๋อง น้ำสลัดปรุงรสหวาน โยเกิร์ตปรุงแต่ง เบเกอรี่และขนมหวาน

4. ผิวขาดน้ำ

ร่างกายของคนโดยปกติแล้วต้องการน้ำเพื่อรักษาสมดุลภายในร่างกาย หากผิวขาดความชุ่มชื้น ร่างกายจะผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นเพื่อชดเชยการสูญเสียความชุ่มชื้น ซึ่งเมื่อมีน้ำมันสะสมมากเกินไป จะทำให้รูขุมขนอุดตันและกลายเป็นสิวได้ แต่หากผิวได้รับความชุ่มชื้นที่เพียงพอ จะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดสิว

5. การพักผ่อนไม่เพียงพอ

หากร่างกายพักผ่อนไม่เพียงพอ อาจเพิ่มความเครียดที่ส่งผลให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันมากขึ้นกว่าปกติ น้ำมันที่สะสมเกินไปอาจทำให้รูขุมขนอุดตัน ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่ก่อให้เกิดสิวและทำให้สิวลุกลามทั่วหน้าได้

6. ผลของการใช้ยาบางชนิด

ยาหลายประเภทอาจกระตุ้นการเกิดสิว เช่น สเตียรอยด์ ยาคุมกำเนิด ยาต้านชัก และลิเทียม ยาเหล่านี้อาจส่งผลต่อฮอร์โมนหรือน้ำมันใต้ผิวหนัง ทำให้มีสิวขึ้นมากกว่าปกติ

สัญญาณเตือนว่าผิวของคุณกำลังแย่

การสังเกตสัญญาณเตือนของผิวหน้าที่บ่งบอกว่าผิวกำลังแย่จะช่วยให้สามารถจัดการกับปัญหาได้เร็วขึ้น สัญญาณที่ควรให้ความสำคัญ มีดังนี้

ผิวมันหรือแห้งเกินไป

หากรู้สึกว่าผิวมันหรือแห้งเกินไป อาจหมายถึงการมีปัญหากับสภาพผิว ซึ่งสามารถนำไปสู่การเกิดสิวเห่อได้ ผิวที่มันอาจทำให้เกิดการอุดตันของรูขุมขน ขณะที่ผิวแห้งก็อาจกระตุ้นให้ผิวผลิตน้ำมันมากขึ้น ดังนั้นควรปรับสมดุลให้ผิวอยู่ในสภาพที่เหมาะสม

แพ้หรือระคายเคือง

หากรู้สึกแสบหรือมีอาการแพ้หลังจากใช้ผลิตภัณฑ์ใหม่ แสดงว่าผิวอาจไม่ตอบสนองดีกับผลิตภัณฑ์นั้น ควรหยุดใช้ทันทีและหาผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนและเหมาะกับสภาพผิวของตน

สิวขึ้นบ่อยครั้ง

หากพบว่ามีสิวขึ้นบ่อยครั้งหรือเกิดสิวใหม่ในช่วงเวลาสั้น ๆ อาจเป็นสัญญาณว่าผิวกำลังอยู่ในสภาพไม่ดี ควรหาสาเหตุที่แท้จริง เช่น ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ หรือพฤติกรรมการดูแลผิว

วิธีรักษาสิว

สำหรับผู้ที่มีปัญหาสิวเห่อ มีแนวทางในการรักษาที่เหมาะสม เช่น

  1. รักษาความสะอาด ควรทำความสะอาดผิวหน้าอย่างสม่ำเสมอ เพื่อกำจัดสิ่งสกปรกและน้ำมันที่อาจอุดตันรูขุมขน
  2. เลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสภาพผิว และมีส่วนผสมที่ไม่ก่อให้เกิดสิว
  3. พบแพทย์ผิวหนัง หากสิวเห่อไม่ดีขึ้น ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาวิธีรักษาสิวที่เหมาะสม เช่น การใช้ยา หรือการทำเลเซอร์

วิธีป้องกันสิวเห่อง่ายๆในชีวิตประจำวัน

การป้องกันสิวเห่อเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม มีวิธีที่สามารถทำได้ง่ายๆในชีวิตประจำวัน เช่น

นอนหลับให้เพียงพอ การพักผ่อนที่เพียงพอช่วยฟื้นฟูผิวให้มีสุขภาพดีและลดความเครียด

รักษาความสะอาดของผิวหน้า ทำความสะอาดผิวหน้าวันละสองครั้งด้วยน้ำอุ่นและใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม เพื่อขจัดน้ำมันและสิ่งสกปรก

ควบคุมอาหาร ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาลและไขมันสูง เพราะสามารถกระตุ้นการเกิดสิวได้

ดื่มน้ำให้เพียงพอ การดื่มน้ำมาก ๆ ช่วยให้ผิวมีความชุ่มชื้นและลดโอกาสการเกิดสิว

สิวเห่อที่แก้ไม่หายอาจเป็นเพราะสาเหตุหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นฮอร์โมน ความเครียด หรือการดูแลผิวไม่ถูกวิธี นอกจากนี้ยังมีสัญญาณเตือนอื่น ๆ ที่บ่งบอกว่าผิวของคุณกำลังมีปัญหา เช่น ผิวมัน ผิวแห้งและผิวแพ้ง่าย หากพบอาการเหล่านี้ ควรรีบหาวิธีรักษาโดยการปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ หรือปรึกษาแพทย์ผิวหนัง เพื่อให้ผิวกลับมาสดใสและแข็งแรงอีกครั้ง