FOMO คืออะไร เข้าใจจิตวิทยาที่กำหนดการตัดสินใจของคุณแบบไม่รู้ตัว
หลายคนเคยรู้สึกเหมือนพลาดอะไรบางอย่าง เพราะคนอื่นกำลังได้สิ่งนั้น ไม่ว่าจะเป็นโอกาสซื้อหุ้นกำไรพุ่ง การลงทุนคริปโตที่เพื่อนชวนช้อนตอนดิ่ง หรือแม้แต่แฟลชเซลล์ที่ขึ้นแค่ไม่กี่นาทีแล้วหมดเกลี้ยง ความรู้สึกแบบนี้มีชื่อเรียกที่คนทั่วโลกเข้าใจตรงกันว่า FOMO
FOMO ย่อมาจากคำว่า “Fear of Missing Out” ซึ่งหมายถึง “ความกลัวที่จะพลาด” เป็นอารมณ์ที่เกิดขึ้นจากการเห็นคนอื่นได้ในสิ่งที่เราไม่มี ทำให้เกิดแรงผลักดันให้ต้องรีบตัดสินใจโดยไม่คิดให้รอบคอบ โดยเฉพาะในยุคที่ข้อมูลไหลเร็วจากโซเชียลมีเดีย ความรู้สึก FOMO กลายเป็นตัวแปรหลักที่ส่งผลต่อการใช้เงิน การลงทุน และแม้แต่สุขภาพจิต
FOMO ไม่ใช่เรื่องเล็ก เป็นกลไกทางจิตที่บีบคั้นให้รีบ
มนุษย์เป็นสัตว์สังคมโดยธรรมชาติ เราต้องการได้รับการยอมรับ ต้องการอยู่ในกลุ่ม และต้องการไม่ตกกระแส เมื่อเห็นเพื่อนในเฟซบุ๊กซื้อเหรียญใหม่แล้วกำไร 300% ภายใน 1 วัน เราก็เริ่มตั้งคำถามว่า “เราพลาดอะไรไปหรือเปล่า?” หรือเห็นคนไปเที่ยวคาเฟ่ใหม่ เราก็รีบจองเพราะกลัวจะไม่มีรูปโพสต์ตามคนอื่น
ความรู้สึกกลัวว่าจะไม่ “อินเทรนด์” หรือพลาดสิ่งดีๆ ไปนี่เอง ที่ทำให้หลายคนตัดสินใจพลาดโดยไม่ทันได้ไตร่ตรอง
FOMO กับการลงทุน หนึ่งในกับดักที่ทำลายพอร์ต
หนึ่งในพื้นที่ที่ FOMO แสดงอิทธิพลชัดเจนที่สุดคือ โลกของการเงินและการลงทุน นักลงทุนจำนวนมากยอมเข้าไปซื้อสินทรัพย์ในจุดที่ราคาพุ่งแรงเพราะกลัวว่าจะพลาดโอกาส โดยไม่รู้เลยว่ากำลังซื้อที่ปลายคลื่น เช่น เข้าตามข่าวว่าเหรียญ X จะขึ้นแรง หรือหุ้นตัวนี้จะไปต่ออีกไกล ทั้งที่วิเคราะห์เองไม่เป็นเลย
สุดท้ายคือเข้าแพง ติดดอย แล้วรู้สึกแย่กับตัวเอง
FOMO ทำงานอย่างไรในสมอง
จากการศึกษาด้านพฤติกรรมศาสตร์ พบว่าความรู้สึก FOMO กระตุ้นสมองในส่วนเดียวกับที่เกี่ยวข้องกับรางวัลและการให้ความรู้สึกดี เช่น โดพามีน เมื่อเห็นสิ่งที่คนอื่นมีหรือประสบความสำเร็จ สมองจะตีความว่าถ้าเราได้สิ่งนั้น เราก็จะมีความสุขแบบเดียวกัน นี่คือกลไกที่ทำให้คนรีบคลิก ซื้อ เทรด หรือสมัครทันทีโดยไม่คิดให้รอบด้าน
ตัวอย่าง FOMO ที่พบได้บ่อย
- ซื้อหุ้นเพราะเพื่อนในกลุ่มโชว์กำไร
- รีบจองตั๋วคอนเสิร์ตเพราะกลัวจะไม่ได้ไป
- เทรดเหรียญที่ไม่รู้จักเพราะคนใน Twitter บอกว่ากำลังจะขึ้น
- ซื้อของลดราคาโดยที่ไม่ได้ต้องการใช้จริง
- กดสมัครคอร์สเรียนออนไลน์เพราะคนอื่นสมัคร
วิธีรับมือกับ FOMO อย่างมีสติ
- ถามตัวเองว่ากำลังทำเพราะอยากจริงหรือกลัวพลาด
พอรู้ว่ารู้สึก FOMO ให้หยุดก่อน แล้วลองคิดว่าเราอยากทำสิ่งนั้นจริงไหม หรือแค่กลัวว่าจะไม่เหมือนคนอื่น - วางแผนล่วงหน้า
โดยเฉพาะในเรื่องการลงทุน ควรมีแผนที่ชัดเจน ไม่ไหลตามอารมณ์หรือข่าวสารแบบทันที - จำไว้ว่าทุกโอกาสไม่ได้เหมาะกับทุกคน
สิ่งที่เหมาะกับคนอื่น อาจไม่ใช่สิ่งที่ใช่กับเราเสมอไป - บริหารสื่อที่เสพ
ลดเวลาบนโซเชียลมีเดียบ้าง หรือลดการติดตามแอคเคานต์ที่ทำให้รู้สึกด้อยคุณค่า หรือเร่งเร้าให้ต้องรีบใช้เงิน
สรุปเนื้อหา FOMO กับผลต่อชีวิตจริง
FOMO ไม่ใช่แค่คำศัพท์ทางจิตวิทยา แต่เป็นแรงผลักดันที่ทรงพลังในการขับเคลื่อนพฤติกรรมคนสมัยใหม่ โดยเฉพาะในยุคที่ข้อมูลเร็วและแรงกว่าเดิม หากไม่รู้ทัน FOMO เราอาจใช้ชีวิตอยู่บนพื้นฐานของความกลัวตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นความกลัวตกกระแส กลัวพลาดโอกาส หรือกลัวไม่ทันคนอื่น การรู้จักสังเกต รู้เท่าทัน และแยกแยะความต้องการจริงกับอารมณ์ชั่ววูบได้ คือหัวใจของการใช้ชีวิตอย่างมีสติและเป็นตัวของตัวเอง